การเป็นครูที่ดีนั้นไม่ยาก แค่ทุ่มใจในการสอนก็พอแต่การเป็นลูกที่ดีในสายตาพ่อกับแม่ช่างยากจัง รู้นะว่าแม่เป็นห่วงเรามากที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง แต่ไม่ว่าจะทำตัวดีแค่ไหน ก็ยังมีเรื่องให้แม่กลุ้มใจ ปวดหัวอยู่ดี เหมือนยังเป็นเด็กเสมอในสายตาแม่ เลยอยากมาลองใช้ชีวิตที่เคยคิดซักครั้งซักสัปดาห์ดู ไม่มีทั้งรถ ทั้งคอนโด ไม่มีแสงสี แทบไม่มีทั้งสัญญาณเน็ทหรือโทรศัพท์ แต่ยังได้สอนเด็กๆตามที่ชอบอยู่ นี่เป็นการเดินทางครั้งแรกในชีวิตคนเดียวที่ลำบากที่สุด
นั่งรถทัวร์7ชม ต่อวินมอไซร์10นาที โหนรถสองแถว(ยืนเบียดตลอดเกือบ4ชม) สภาพไม่ต่างกะผมพึ่งจะเข้ากรุงยังไงอย่างนั้น แบกกระเป๋าเสื้อผ้ามาใบนึง หนังสือมา2เล่มมาออกข้อสอบ ซอฟเฟลกันยุงประมาณ100ซองเพราะเห็นเด็กที่นี่เป็นไข้มาเลเลีย3-4คนและ แล้วพอถึงเวลาที่ตั้งใจจะกลับไปลุยเรียนปริญญาเอกให้แม่ภูมิใจ ทำตัวให้แม่ไม่กังวล แล้วอาจจะกลับมาเป็นครูบนดอยอีกรอบก็ได้…
มาถึงมะกี้งานเข้าทันทีช่วยน้องๆสร้างห้องน้ำ เห็นเค้าขนทีละสองก้อนก็ขนไปสองรอบ หนักมว๊าก เลยถามว่าไม่มีรถหรอ เค้าถึงไปเอามา น่าประหยัดแรงกว่าเยอะ เท่าคนขน5คน ได้รอบละสิบก้อน ส่วนแป้งทาตามน้องๆ เค้าบอกทาแล้วจะเย็น แต่ทายังไงก็ร้อน น่าเอาไปทาให้พระอาทิตย์จัง ผอมแน่งานนี้เรา
มาที่นี่ทำให้ผมนึกถึงตอนผมอยู่หอประจำตอนเด็กที่นครสวรรค์ แต่สิ่งที่แตกต่างคือไม่มีออด(เรียกรวม) ไม่มีครูบังคับ เด็กที่นี่ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง กลางวันทำงาน สี่โมงเย็นเด็กน้อยทุกคนถือถังน้ำรดต้นไม้ เดินเซไปเซมาเนื่องจากหนัก ตกกลางคืนเข้านอน มะคืนแม่ทัศนีย์ซื้อกุ้งปูจากพม่ามาเลี้ยงตอบแทนที่พาไปทะเล ส่วนงานวันนี้ก็เริ่มสอนหนังสือเด็กๆและ เด็กที่นี่อ่อนภาษาไทยมาก
ตอนนี้กะลังพักทานน้ำแข็งใส ต้องขอบคุณคุณแม่หมอตอยที่บริจาคเครื่องทำให้ ไม่งั้นร้อนตาย
เมื่อมาถึงที่นี่ อยากเรียนรู้ความเป็นอยู่ของสถานที่พักพิงบ้านทัศนีย์ให้มากที่สุด เมื่อคืนเลยออกไปหาปลากับเด็กๆที่นี่ที่แม่น้ำเมย เห็นต้นมะนาวนึกถึงเพื่อนกบที่กะลังจะปลูก แต่ที่นี่เป็นมะนาวยักษ์ ลูกเพียบ การจับปลาครั้งนี้ใช้เวลาเกือบ4ชม. ล่องแพไปซักพัก ต้องเดินไปกลับ3-4กิโลได้ แต่ปัญหาไม่ใช้เรื่องระยะทาง แต่เป็นหินระหว่างทางที่เราต้องเดินทางเปล่า ไหนจะเป็นกับดักธรรมชาติคือหนามต้นไม้อีก เล่นปักคาเท้าเลย ขากลับขอลอยคอในน้ำกลับ ลำบากยิ่งกว่าเดิมอีก หินก็มีไม่ต่างข้างบน น้ำบางโซนก็ลึก ตะคริวก็กินน่อง คิดในใจถ้าเกิดผมจมใครก็ช่วยผมไหวไหมเนี่ย มีแต่ตัวกะจ้อยทั้งนั้น แต่เด็กๆก็ดีช่วยกันประคองจนผมถึง ตอนนี้ขายังระบม หวัดก็กินอีก แต่แปลกอยู่นี่ตื่น7โมงเช้าโดยไม่ต้องตั้งนาฬิกา นอนอีกนิดยังไงก็ตื่นก่อนเที่ยง เพราะห้องนอนจะกลายเป็นห้องซาวน่าโดยทันที วันนี้จัดสอนเขียนภาษาไทยให้เด็กโต เขียนคำศัพท์ที่ใกล้เคียงกัน เช่น ผาสุก ความสุข วันศุกร์ เป็นต้น ส่วนเด็กเล็กตั้งโจทย์ให้บวกเลข เด็กที่นี่ฮิปพ๊อปมากใส่กางเกงหลุดตูดเพียบ จริงๆเพราะไซส์บริจาคมันใหญ่ บ้างยางก็ยืดหมดแล้ว ส่วนรูปตอนท้ายเลี้ยงพวกขนมกะเหรี่ยงแก่เด็กๆ ดูก็คล้ายกับ ลอดช่อง แล้วก็ขนมครกยักษ์บ้านเรา
ต่อจากมะคืนหาปลา หลังจากเรียนหนังสือเสร็จ เที่ยงทานข้าว พอตกบ่ายไปเรียนรู้ชีวิตกลางวันเค้าต่อ ขึ้นเขาล่าแย้ เค้าบอกยิ่งอากาศร้อนๆแย้ออกมาดีนักแล เด็กๆถามอาจารย์ไหวไหม มีหรือจะตอบไม่ไหว พอขึ้นเขาเด็กๆคุยกะเหรี่ยงกันบอกอาจารย์ไปอีกทางขึ้นง่ายกว่า ที่แท้พาเราไปนั่งรอบนดอยในที่ร่ม นั่งรอเกือบ2ชม เริ่มเบื่อเลยว่าจะไปเล่นน้ำรอ เลยเดินลงเขามาก่อน มาเจอคนขับพอดีเค้าบอกจะไปรับคนอื่นๆซึ่งห่างจากเรามา เค้าเดินไป4-5ดอย รู้และทำไมให้เรารอ สุดท้ายได้แย้มา2ตัว นกอีก1ตัว เราเลยถามยิงลูกนกมาทำไม เค้าตอบซื่อๆ ไม่ใช่ลูก มันแก่แล้ว ทานได้ครับ – -” แล้วก็พากันไปว่ายน้ำแม่น้ำเมย เด็กๆผู้หญิงดีใจกันมากๆ เพราะปกติทำแต่งานบ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ขนาดเวลาจะเรียนยังแทบไม่มี จะต้องเลี้ยงเด็กน้อยอีก ตกดึกมีครูอาสาอีกคนแจกรองเท้าเด็กๆคนละคู่ เพราะเด็กไม่ค่อยมีรองเท้ากัน เพราะชอบทำหาย เลยเดินเท้าเปล่ากันซ่ะส่วนใหญ่ มะคืนก่อนนอนแว่ะไปดูถ่ายทอดสดบอล เลยได้เห็นว่าเด็กเล็กที่นี่นอนกันยังไง หมอนก็ไม่มี เท้าก็พาดไปหน้าอีกคน แต่ก็นอนกันได้ซ่ะงั้น
ตอบจบของการมาเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่สถานที่พักผิงบ้านทัศนีย์ คืนสุดท้ายของการนอนที่นั่น ผมนอนรวมกับเด็กๆ แต่ก็ตื่นมาเจ็ดโมง เพราะเสียงเด็ก+ความร้อนของแสงแดด ที่สำคัญไม่มีพัดลม พัดลมมีไว้ให้แค่แขก แต่ขอบอกว่าไม่กี่ตัว มาสำรวจคราวที่แล้ว ตื่นมาทำไมร้อนจัง มีการขโมยพัดลมกันเองเกิดขึ้น เพราะมีไม่พอ ผมเคยถามแม่ว่าทำไมไม่ซื้อพัดลมเพิ่มตัวละไม่กี่บาทเอง แม่บอกว่าสิ้นเปลือง แม่ยังโตมากะการไม่มีพัดลมได้ ลูกๆแม่ก็ต้องอยู่ได้ ผมคิดในใจ แม่ถามลูกหรือยังเหอะ ขนาดคราวนี้ผมแซวในวงทานข้าวว่า คราวหน้ามากันเยอะสงสัยต้องพกพัดลมมาส่วนตัว เด็กที่นั่นบอกดีครับ หลังกลับจะได้ยกให้ผมต่อ วกกลับมาเรื่องตื่นเจ็ดโมงต่อ ผมก็ไปนอนต่อที่ประจำผม เพราะมีพัดลม แต่ก็ทนได้แค่ประมาณ11โมง พัดลมสู้แดดไม่ไหว ตอนตื่นมาตกใจ เดินไม่ได้เลย สงสัยขาทั้งสองขา จะรับภาระเยอะเกินไป ทั้งเดินมาราธอนดูเค้าจับปลา ลุยหินแหลม ว่ายน้ำ ขึ้นเขาหาแย้ กลับมาเตะบอลทุกวันอีก ค่อยๆคลานไปอาบน้ำ ทานข้าวกลางวัน เตรียมเก็บของกลับกรุงเทพ โดยมีเดชขับกระบะไปส่งแม่สอด ขนาดขับผมไปส่งยังใช้เวลา2ชม ผมให้แว่ะซื้อน้ำไป2รอบ ตอนรอบ2เจอเซเว่นดีใจเหมือนเด็กๆวิ่งเข้าอย่างไงอย่างนั้น อยากกินสเลอปี้มาก แต่ดันไม่มีซ่ะอีก คิดในใจ ตอนมาผมโหนสองแถว 3ชมครึ่งได้ไงฟ่ะ พอถึงแม่สอด แว่ะไปหาแม่ทัศนีย์ ไปเยื่ยมน้องซันเดย์(เด็กคลอดก่อนกำหนด แม่ที่เป็นพม่าทิ้งไว้ น้องต้องอยู่ในตู้อบหลายเดือนมาก) และเด็กๆทุนอีกหลายคน เพราะเด็กๆที่มีสปอนเซอร์ จะได้เรียนโรงเรียนดีๆในแม่สอด เลยมาพักที่นี่ ฝรั่งเค้าเช่าทาวเฮาท์ให้อยู่หลังนึง แม่เอาคชจ มาให้ดูต้องสรุปไปให้ฝรั่งที่เค้าช่วยว่าตกเดือนเท่าไร ผมดูคร่าวๆหนักไปกับค่ารักษาของเด็ก ดูแค่สามใบก็เกือบแสนและ ไหนจะค่าเรียนคนละหมื่นสองอีก ไม่รวมค่าไฟ ค่าบ้านและอื่นๆ ดีนะมีฝรั่งช่วยอยู่ ไม่งั้น… ลืมเล่าว่าแม่ออกค่ารถขากลับให้แล้วพาไปเลี้ยงหมูกระทะ ก่อนกลับอีกรอบ อร่อยมากเนื่องจาก ผมไม่ได้กินหมูมา4-5วันและ เพราะแม่ทัศนีย์นับถือคริสเตียน ไม่ทานหมู และปลามีเกร็ด เลยทานไก่กับไช่แทบทุกมื้อเลยผม เริ่มวันแรก ไก่ทอด ต่อมา ลาบไก่ ถัดไป ข้าวผัดไก่ สุดท้าย กระเพราไก่ พอทานเสร็จก็มาส่งผมที่ท่ารถ ระหว่างเดินทางขาไปขากลับ7ชม ผมนี่แทบไม่ได้นอนเลย เนื่องจากผมชอบนอนกรน เพื่อนๆยังหนี จะเอาอะไรก็คนอื่น แล้วที่สำคัญทั้งขาไปขากลับ มีคนกรนอย่างผมเป่ะ นอนก่อนจนยายข้างๆผมโวย กุไม่ได้พักผ่อนเลยโว้ย กรนดังจังว่ะ แล้วผมจะกล้านอนไหมนั่น พอกลับมาถึง กทม สงสัยการไปเป็นครูดอย4-5วัน ทาทานาคาทั้งวัน เลยดูกลมกลืนกะพวกเค้า พอลงรถทัวร์ แท็กซี่ถามจะไปไหน ผมบอกโชคชัย4 แกบอกไปไหมสองร้อย โอ้แม่เจ้า โชคชัย4 ไม่ใช่คลอง4นะเพ่น้อง…
เรื่ิองเล่าโดย ครูโน้ต
เฉพาะผู้สนใจอยากเป็นครูอาสา ติดต่อผมได้ที่
ไลน์ไอดี ajarn-note
เบอรืโทร 081-8557972 (อาจารย์โน้ต)